วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2554

“เพราะคนดีแบรนด์จึงเด่น คนไม่เป็นเลยแบรนด์เดี้ยง”

 คนไทยมีชื่อเสียงในด้านการให้บริการต้อนรับขับสู้ผู้มาเยือน  เรียกได้ว่าธุรกิจภาคบริการของเรานั้นไม่เป็นรองใคร  เคยมีคนถามผมว่าหลักในการสร้างแบรนด์สำหรับธุรกิจบริการแตกต่างกับการสร้างแบรนด์ของสินค้าอื่นหรือเปล่า?  ผมตอบเขาไปว่าหัวใจในการสร้างแบรนด์สำหรับธุรกิจภาคบริการนั้นอยู่ที่การสร้างคน
     สมมติว่าคุณวางแผนจะพาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนต่างจังหวัดเลยลองค้นหาข้อมูลจากนิตยสารท่องเที่ยว  พูดคุยกับเพื่อนฝูง  แวะเวียนเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซท์ของรีสอร์ทต่างๆ  จนกระทั่งหาที่ถูกใจได้สามสี่แห่ง สวยงามน่าอยู่พอกัน  การเดินทางสะดวก ราคาก็พอรับได้ไม่ถึงกับขนหน้าแข้งร่วง  ลองโทรไปสอบถามข้อมูลและขอจองห้องพักบางแห่งพนักงานก็พูดคุยดี บางแห่งก็โดนพนักงานขู่จนเสียอารมณ์  ตัดตัวเลือกไปเรื่อยๆ  จนกระทั่งได้ข้อสรุปเลือกเอารีสอร์ทแห่งหนึ่งซึ่งพนักงานเขาพูดคุยดี  เต็มใจตอบคำถาม สามารถให้รายละเอียดเรื่องต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน
     ในวันจริง  พอเดินทางไปถึง  พนักงานต้อนรับเห็นเข้าก็กุลีกุจอวิ่งมาช่วยเปิดประตูรถ  แล้วก็ขนของอย่างขมีขมัน  แต่ขาดความสังเกต  เอากระเป๋าใบใหญ่ที่หนักแสนหนักวางซ้อนไว้บนกระเป๋าใบเล็กจนแบนแต๋ หลังเข้าห้องพักเรียบร้อยเปิดออกมาดูพบว่าของในกระเป๋าใบน้อยเสียหายไปหลายอย่าง 
     ด้วยความเจ็บใจ  คุณได้โทรลงไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่  ไม่กี่อึดใจผู้จัดการก็วิ่งโร่ขึ้นมาขอโทษขอโพยและชดใช้ค่าเสียหายให้ตามสมควร  แถมยังให้ส่วนลดค่าห้องพักเพิ่มอีกนิดหน่อย  คุณก็เลยอารมณ์เย็นลงมาได้บ้าง
     ตกกลางคืน  คุณและครอบครัวลงไปทานอาหารค่ำที่ร้านอาหารของรีสอร์ท  อาหารราคาไม่แพง  อร่อย  พนักงานให้บริการอย่างรวดเร็ว  พูดจนสุภาพจนคุณอดใจไม่ได้ต้องควักเงินทิปให้ตอนเช็คบิล 
     ด้วยความที่ทุกคนหิวกันจนไส้กิ่ว  ตอนสั่งอาหารก็สั่งเอาสั่งเอาไม่ได้คิดว่าจะกินหมดหรือเปล่า  พออิ่มแล้วถึงได้รู้ว่ามีกับข้าวเหลืออยู่เกือบครึ่ง  เลยสั่งให้พนักงานเอาอาหารเหล่านี้ใส่กล่องกลับไปด้วย  กะว่าจะเอาไปอุ่นเป็นอาหารเช้า
     รุ่งเช้าตื่นขึ้นมา  เปิดกล่องอาหารออกดูแทบลมจับ  คนที่เอาอาหารไปใส่กล่องทำมาแบบชุ่ยๆ  กวาดเอาอาหารไปสุมเอาไว้  หน้าตามไม่น่ากินเลย  เห็นแล้วดูเหมือนกล่องใส่เศษอาหารมากกว่าจะเป็นกล่องใส่กับข้าว   แถมอาหารบางอย่างเอาน้ำกับเนื้อใส่ปนกัน  พอค้างคืนไว้ก็เสียรสชาด  สุดท้ายต้องโยนทิ้งไปเกือบหมด
     ตกสายหน่อยพนักงานเข้ามาทำความสะอาดห้อง  พูดจาดี  ยิ้มแย้ม  แต่ตัวเรียบร้อย  ไม่ไปยุ่มย่ามกับของใช้ส่วนตัวของเรา  ใช้เวลาเดี๋ยวเดียวก็ทำความสะอาดห้องเสร็จ  แถมยังเอาเงินที่ทำตกไว้มาคืนให้กับอีกด้วย
     พักจนครบตามกำหนดสามวัน  ได้เที่ยว  ได้พักผ่อนจนสมใจ  ถึงเวลากลับ  พนักงานยกกระเป๋าคนเดิมมายกกระเป๋าให้  คราวนี้ระมัดระวังกว่าเดิม  รู้จักจัดวางกระเป๋าไม่ให้ทับกันจนเสียหายอีก  ก่อนกลับแวะทานอาหารร้านเดิม  กับข้าวเหลืออีก  พอสั่งให้ใส่กล่องกลับบ้าน  กำชับนักกำชับหนาว่าจัดให้ดีหน่อย  เปิดออกมาก็เละเทะกินไม่ลง  สุดท้ายต้องแวะพึ่งร้านอาหารข้างทางแก้หิวก่อนจะเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
     รุ่งเช้ากลับไปทำงานเพื่อนถามว่ารู้สึกอย่างไรกับการพักผ่อนคราวนี้  คำถามคงจะออกมาในทำนองที่ว่า  “ก็ดีนะ...แต่....” 
     เจ้าคำว่า “แต่” คำนี้แหละครับที่สร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในความรู้สึกของลูกค้า  เพราะสินค้าในธุรกิจบริการนั้นคือการให้ความสุข  ความสะดวก  และความสบายใจกับลูกค้า  คนไปเที่ยวย่อมต้องการพักผ่อน  ปลอดจากปัญหาเรื่องจุกจิกกวนใจ  คนเข้าร้านตัดผมก็ต้องการช่างตัดผมฝีมือดี  รู้จักพูดคุย  สามารถให้คำแนะนำได้  มีเวลาไปสปาทั้งที  ถ้ายังต้องเสียเวลาทะเลาะกับพนักงานต้อนรับอีก  วันหลังคงไม่มีใครไปใช้บริการอีกแน่
     ในธุรกิจบริการนั้น   การตกแต่ง  สินค้าที่ใช้ประกอบการให้บริการ  และเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ  สามารถเลียนแบบหรือหาของดีพอกันมาทดแทนกันได้  การจะสร้างแบรนด์ของเราให้เข้าไปนั่งอยู่ในใจของลูกค้าจึงขึ้นอยู่กับสิ่งเหล่านี้เพียงสามส่วน  อีกเจ็ดส่วนขึ้นอยู่กับพนักงานของเราเองว่าจะทำให้ลูกค้าพอใจได้มากน้อยแค่ไหน
     ด้วยเหตุนี้  หากต้องการจะสร้างแบรนด์เราควรเริ่มต้นจากการเลือกคนเข้ามาร่วมงาน  ให้ผลตอบแทนสมน้ำสมเนื้อ  เพื่อให้เขาเต็มใจทำงานให้กับเรา  พร้อมทั้งปลูกฝังวัฒนธรรมการให้บริการให้ฝังแน่นอยู่ในจิตสำนึกของพนักงาน  รู้จักทำตัวให้เป็นตัวอย่างของลูกน้อง  อย่าเอาแต่สั่งเพียงอย่างเดียว  ต้องสอนให้เขารู้จักคิดและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยตนเอง  หากทำผิดพลาดบ้างก็อย่าไปเอ็ดตะโร  ให้โอกาสเขาแก้ตัวสอนเขาว่าอะไรควรไม่ควร  ในขณะเดียวกันจะต้องเด็ดขาด  ใครที่ทำผิดซ้ำซาก  เข็นไม่ขึ้นก็อย่าเอาไว้  อย่าลืมว่า  ธุรกิจนี้ปลาเน่าตัวเดียวก็สามารถเหม็นไปทั้งบริษัท
     เจ้าของเองควรจะออกมาช่วยต้อนรับขับสู้ลูกค้า  ไม่ปล่อยให้ลูกน้องแสดงฝีมือแค่ฝ่ายเดียว  เนื่องจากเอสเอ็มอีในธุรกิจบริการนั้นเจ้าของก็เป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ด้วย  การที่เจ้าของออกมาต้อนรับขับสู้ด้วยตัวเอง  ช่วยให้ลูกค้าจดจำร้านของเราได้ง่ายขึ้น แถมยังสร้างความเชื่อมั่นของคุณภาพการให้บริการให้กับลูกค้าอีกด้วย  เกิดมีอะไรฉุกเฉินก็สามารถตัดสินใจได้ทันท่วงที  ไม่ปล่อยให้ปัญหาบานปลาย  พอลูกค้าประทับใจก็จะกลับมาอีก  ยิ่งพูดกันไปปากต่อปาก  เดี๋ยวก็จะชวนกันมาเอง  แทนที่จะเสียเงินไปลงโฆษณาจนหมดตัว  สู้เอาเงินบางส่วนมาช่วยพัฒนาการให้บริการ เลี้ยงดูลูกน้องให้ดี แล้วให้ลูกค้าไปโฆษณาแทนเราจะดีกว่า
  สรุปแล้วหัวใจของการสร้างแบรนด์ในธุรกิจบริการคือ “เพราะคนดีแบรนด์จึงเด่น คนไม่เป็นเลยแบรนด์เดี้ยง”

ปัจจัยที่น่าสนใจในการทำธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทในประเทศไทย

โลกนี้ประทับใจความเป็นคนไทย มีความรัก โอบอ้อมอารี ยิ้มง่าย และใจดี ค่าครองชีพประหยัดที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง อาหารการกินที่มีคุณภาพและราคาไม่แพง ถ้าเทียบกับหลายๆ ที่ทั่วโลก

แนวโน้มพฤติกรรมของคนในยุคหน้าจะมีโอกาสเดินทางกันมากขึ้น มีโอกาสขยับขยายการตั้งถิ่นฐาน สภาวะอากาศที่แปรปรวน ร้อนก็ร้อนจัด หนาวก็หนาวจัด ทำให้คนในโลก เดินทางหนีความไม่สมดุลของบรรยากาศโลก ประเทศไทย คือ ทางเลือกของนักเดินทางที่หนีหนาว โดยเฉพาะไม่กี่ปีมานี้ อากาศหนาวของบางประเทศกินเวลายาวนานมาก จนคนประเทศเหล่านั้นเดินทางมาพักผ่อนระยะยาวในประเทศอุ่น ยาวนานมากขึ้น ประเทศไทยคือจุดพักผ่อนที่นักท่องเที่ยวเหล่านั้นเลือกมากที่สุด ปรากฏการณ์นี้จึงทำให้ประเทศไทยได้เปรียบต่อทุกชาติในภูมิภาค

การท่องเที่ยวไทยจะบูมและขยายตัวมากเข้าไปอีก ธุรกิจที่ครอบคลุมการท่องเที่ยวจะได้รับอานิสงส์อย่างมากมาย โรงแรม รีสอร์ท ตอบโจทย์การลงทุนยุคนี้มากที่สุด แต่จะต้องมีปัจจัยสำคัญมากเป็นอันดับต้นๆ ในการตัดสินใจเลือกพักค้างแรม คือ บรรยากาศ และรูปแบบการดีไซน์

เมื่อเรามององค์ประกอบข้อดีต่างๆ เหล่านั้นแล้วจะสะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทจะมีโอกาสโตได้อีกเยอะ อีกทั้งการยอมรับว่า การให้บริการต้อนรับของคนไทยถือเป็นอันดับต้นๆ ของโลกก็ว่าได้ แต่ปัจจัยที่น่าสนใจในการทำธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทในประเทศไทย คือ ชัยภูมิที่เหมาะสม เช่น
ผลกระทบภัยธรรมชาติไม่รุนแรงมาก

เป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างจีนและอินเดียได้ดีมีสถิติว่าต่างชาติต้องการมาตั้งรกรากอยู่เมืองไทยมาก โดยเฉพาะประเทศเขตหนาว เช่น รัสเซีย สแกนดิเนเวีย และญี่ปุ่น ค่าครองชีพต่ำมาก อาหารราคาประหยัด ไลฟ์สไตล์เยี่ยมหลากหลาย สภาพอากาศที่ดี ระบบที่เอื้อต่อการทำธุรกิจง่ายกว่าหลายประเทศ

กระบวนการสร้างสรรค์โครงการโรงแรม รีสอร์ทขนาดเล็ก การเตรียมความพร้อมของผู้ลงทุนโครงการ ดังนี้

 1. วิสัยทัศน์ของผู้ลงทุน  สามารถมองเห็นโอกาสของโครงการได้ก่อนล่วงหน้า และมีความหวังที่จะทำสิ่งดีให้สำเร็จ

 2. เสน่ห์ของผู้ลงทุนที่มีบุคลิก  บางครั้งจุดเด่นและเสน่ห์ของตัวเองสามารถสร้างจุดขายของโครงการได้ โดยเฉพาะโรงแรมเจ้าของต้องเป็นผู้มีบุคลิกการต้อนรับ

 3. การสำรวจหาที่ดินที่เหมาะสม หรือหาข้อดี ข้อเสียของที่ตั้งโครงการ  เราสามารถวิเคราะห์ก่อนด้วยตัวเอง สำรวจข้อดีข้อเสียรอบทิศทาง โดยรอบถนนหนทาง ระยะเลี้ยวรถ ระยะถนน ขนาดถนน ขนาดที่ดิน ลักษณะที่ดิน กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับผังเมือง

 4. ความเข้าใจเรื่องสภาพแวดล้อม และวัฒนธรรม  ศึกษาลักษณะเฉพาะของสังคมประเพณี วัฒนธรรมของแต่ละชนชาติ โดยเฉพาะที่โครงการตั้งอยู่อย่างเหมาะสม และลึกซึ้งเพื่อนำมากำหนดแนวความคิดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยมีความสัมพันธ์กับที่ตั้งโครงการ

 5.ความเข้าใจเรื่องพฤติกรรมลูกค้าควรสำรวจหากลุ่มลูกค้าเฉพาะของโครงการ เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการออกแบบอย่างเหมาะสม และลงลึกถึงในรายละเอียดของพฤติกรรมเพื่อกำหนดแนวความคิด การวางผังให้เหมาะสมที่สุด ไปจนถึงการสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในโครงการ

 6.งบประมาณที่เหมาะสม ทุนและการคืนทุน และความพร้อมของผู้ลงทุนคำนวณเบื้องต้นเพื่อหาต้นทุนทั้งหมดละเอียดได้ยิ่งดีครับ ตั้งแต่ต้นทุน ค่าที่ดิน ต้นทุนก่อสร้างตกแต่ง เป็นราคาต่อตารางเมตร ต้นทุนค่าบริการวิชาชีพออกแบบต่างๆ ต้นทุนการบริหารงานเบื้องต้น ต้นทุนการตลาด และรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ

7.กฎหมายที่เกี่ยวข้องศึกษากฎหมายผังเมือง กฎหมายควบคุมอาคารพระราชบัญญัติและกฎกระทรวงต่างๆ กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม กฎหมายเกี่ยวกับการประกอบกิจการโรงแรมหรือประเภทที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น เพื่อนำมาประกอบการทำโครงการที่ถูกต้อง

 8.ไอเดียและการเลือกนักออกแบบ คุณสมบัติของนักออกแบบที่เหมาะกับโครงการ
 ศึกษาประสบการณ์แนวความคิด วิธีคิด ทัศนคติ และความถนัดเพราะถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำโครงการที่มีคุณภาพร่วมกันกับผู้ลงทุน

 9.ศึกษาความรู้เรื่องพื้นฐาน การบริหารโครงการและการให้บริการอย่างมืออาชีพ

วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2554

การตลาดบนอินเทอร์เน็ต สำหรับโรงแรมและรีสอร์ท 3

ทุกคนชอบการต่อรอง

ลองทำการวางโปรโมชันพิเศษบนเว็บไซต์ของคุณ แต่ต้องไม่ใช่โปรโมชันที่มุ่งเน้นไปที่การลดราคา โปรโมชั่นพิเศษที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือการเพิ่มมูลค่า ไม่ใช่การลดราคา การเพิ่มมูลค่าไม่ได้ทำให้สภาพชั้นของโรงแรมคุณลดลงในตลาดการแข่งขัน หรือ เป็นผลทางลบกับความน่าเชื่อถือของราคา

หลายปีที่ผ่านมา บางคนมีความคิดที่เฉียบแหลมที่จะรวมรายการอาหารเช้า หรือการใช้บริการอินเตอร์เน็ตเข้าไปกับการจองห้องพัก ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าเพื่อที่จะส่งเสริมยอดขายให้ดีขึ้นด้วย มันได้รับผลลัพธ์ที่ดีมากจนกระทั่งทุกโรงแรมมีการทำแบบเดียวกัน จึงทำให้มันไม่ใช่จุดเด่นอีกต่อไป แต่กลับเป็นข้อบกพร่องมากกว่าหากไม่มีการเสนอมัน

การสร้างโปรโมชั่นพิเศษที่มุ่งเน้นไปในทางการเพิ่มมูลค่าโดยที่เจาะไปยังกลุ่มตลาดเป้าหมายที่คุณกำลังมองหา จะต้องมีการกำหนดเป้าหมายของโปรโมชั่นพิเศษให้มุ่งไปยังการสร้างธุรกิจใหม่ๆ และ ไม่ใช่แค่การสรรหาผลประโยชน์เพิ่มเติมให้กับลูกค้าปัจจุบันแบบตรงๆ แน่นอนทีเดียวว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวอิสระ และ กลุ่มของนักท่องเที่ยวแบบองค์กร จะมีวิธีการในการขายที่แตกต่างกันอย่างมาก การกำหนดโปรโมชั่นพิเศษของเราจะต้องวางให้ถูกกลุ่ม เพื่อที่จะเป็นการสร้างตลาดใหม่ให้เกิดขึ้น

สรุปก็คือ นักท่องเที่ยวโดยส่วนใหญ่ มักจะเลือกโรงแรมที่พวกเค้าตัดสินใจว่าจะได้รับผลประโยชน์ที่ดีที่สุด การลดอัตราราคาห้องพักเพียงอย่างเดียว จะเป็นการทำให้ภาพพจน์ของโรงแรมด้อยค่าลงและเป็นการทำลายโครงสร้างอัตราราคาของโรงแรม

 ใช้การตลาดเชิงขออนุญาตสร้างธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

การตลาดเชิงขออนุญาต (Permission marketing) คือ การขออนุญาตจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและ ผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณสำหรับการยินยอมในการส่งบางสิ่งบางอย่างให้กับพวกเขาเหล่านั้น จริงอยู่ที่กลไกการแข่งขันทำงานได้เป็นอย่างดี แต่กลไกตามปกติของการส่งเสริมการขายสามารถทำงานได้ดียิ่งกว่า การส่งข้อความเชิงเสนอแนะไปตามจดหมายข่าวพร้อมกับการนำเสนอโปรโมชั่นใหม่ๆ หรือ การแจ้งแบบส่วนตัวล่วงหน้า (early private notification) สามารถโน้มน้าวใจได้เป็นอย่างดี

ตัวอย่างหนึ่งของข้อความที่สามารถเป็นไปได้เช่น “เรานำเสนอสิทธิพิเศษแบบใหม่ที่เหนือกว่าธรรมดา คลิ้กที่นี่ เพื่อที่จะเข้าร่วมอยู่ในรายชื่ออีเมล์ของเราเพื่อที่จะได้รับการแจ้งแบบส่วนตัวล่วงหน้าสำหรับสิทธิพิเศษของเราก่อนใครๆ”

การตลาดเชิงขออนุญาติเป็นหนทางที่ดีเยี่ยมในการสร้างฐานข้อมูลของผู้เยี่ยมชมที่สนใจเข้ามาในเว็บไซต์ของคุณ และจากนั้นการเจาะลึกลงไปในข้อมูลเป็นกระบวนการที่สำคัญเพื่อที่จะใช้ในการสร้างธุรกิจในอนาคต

 การใช้แฟ้มลายเซ็นเพื่อที่จะเพิ่มการเข้าเว็บไซต์

แฟ้มลายเซ็น (Signature Files) เป็นสิ่งที่ถูกใช้อ้างอิงถึงอย่างเป็นทางการเสมือนกับว่าเป็นนามบัตรแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic business card) นั่นเอง ส่วนใหญ่อีเมล์เป็นร้อยๆฉบับที่ถูกส่งจากทางโรงแรม มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีการลงท้ายด้วยลายมือชื่อ (Signature) บนอีเมล์ อย่างไรก็ดีการใช้แฟ้มลายเซ็นสามารถเป็นวิธีที่ดีและไม่เสียค่าใช้จ่ายที่จะนำลูกค้าไปสู่เว็บไซต์ของคุณ

 การพัฒนากลยุทธ์การเชื่อมโยง

จากทั้งหมดที่ได้กล่าวมาเกี่ยวกับ การทำให้เว็บไซต์ติดอันดับในการค้นหา ดูเหมือนจะมีแค่คำพูดเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการสร้างลิงก์ การมีกลยุทธ์ในการสร้างลิงก์ที่ดีเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับในการค้นหา ในการจัดอันดับเว็บไซต์ มีหลายๆ Search engine ที่พิจารณาปริมาณและคุณภาพของลิงก์ที่เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของคุณ เพื่อที่จะจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณ

จำไว้เสมอว่า การจัดอันดับเว็บไซต์ของ Search engine นอกจากจะพิจารณาถึงคุณภาพของลิงก์ที่เชื่อมโยงภายในเว็บไซต์ของคุณแล้ว ยังรวมไปถึงลิงก์ที่เชื่อมโยงจากเว็บไซต์ของคุณไปยังภายนอกและลิงก์จากภายนอกที่เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณอีกด้วย ดังนั้นการพัฒนาประสิทธิภาพด้านกลยุทธ์ในการสร้างลิงก์ สามารถเสริมสร้างการทำงานของเว็บไซต์ได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งนี้ควรจะให้เป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจาก มันจะเป็นอันตรายและเป็นโทษอย่างมาก หากทำไม่ถูกวิธี

 ขั้นถัดไป

สุดท้ายนี้การตลาดบนโลกอินเทอร์เน็ต เป็นการเชื่อมโยงเข้าด้วยกันระหว่าง ความคิดสร้างสรรค์ และ ด้านรู้ทางเทคนิคของอินเตอร์เนต ซึ่งประกอบด้วย การออกแบบเว็บไซต์, การพัฒนาเว็บไซต์ให้ง่ายในการใช้งาน, การโฆษณาบนเว็บไซต์ และ การขายสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ ส่วนหลักการณ์และกลยุทธ์ของการทำการตลาดบนอินเทอร์เน็ตนั้นรวมไปถึง การให้บริการในวงกว้าง เช่น การทำการตลาดโดยการใช้ Search engine และ การโฆษณาแบบจ่ายตามจำนวนครั้งที่กดเข้าไปดู การแสดงโฆษณา พฤติกรรมของผู้บริโภค อีเมล์ จดหมายแจ้งข่าว และ ข่าวประชาสัมพันธ์ที่อยู่บนเว็บไซต์

ใช่แล้ว การทำตลาดในโลกอินเทอร์เน็ต ไม่ใช่แค่มีเพียงเว็บไซต์เท่านั้น แต่อินเทอร์เน็ตยังคงเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สุด ราคาถูกที่สุด ที่เปิดช่องทางให้โรงแรมของคุณไปทั่วโลกและเพิ่มปริมาณการจองห้องพักให้เกิดขึ้น

การตลาดบนอินเทอร์เน็ต สำหรับโรงแรมและรีสอร์ท 2

หากกล่าวถึงการตลาดบนอินเทอร์เน็ต สิ่งแรกที่คิดขึ้นมาได้เสมอก็คือ การทำให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ ของเสิร์ชเอนจิ้นในการค้นหา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เยี่ยมยอด แต่อย่างไรก็ดี มันไม่ใช่หนทางเดียวที่จะใช้ในการเผยแพร่เว็บไซต์ การทำให้เว็บไซต์อยู่บนสุดของเสร์ชเอนจิ้นในการค้นหาในขณะที่เว็บไซต์ที่แสดงออกมายังคงมีการออกแบบที่แย่ ก็เป็นการเสียเวลาและค่าใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ อันที่จริงแล้วการทำให้มีผู้เข้ามาชมเว็บไซต์เป็นเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของงานเท่านั้น

ปัญหาของผู้เชี่ยวชาญในการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับในการค้นหา ก็คือ พวกเขามักที่จะเผยแพร่เว็บไซต์ของทางโรงแรมไปยังผู้คนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องหรือสนใจกับการท่องเที่ยว ผ่านการใช้คำหลัก (Keyword) หรือข้อความหลัก (Key-phase) ที่ไม่ดี และการแลกเปลี่ยนลิงก์ผ่านโครงข่ายการให้บริการแลกเปลี่ยนลิงก์ขนาดใหญ่ โดยที่ไม่มีความสัมพันธ์กันกับการท่องเที่ยวหรือโรงแรม ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้คิดแต่เพียงว่า ความสำเร็จของเว็บไซต์วัดได้จากจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ แทนที่ควรจะเป็นจำนวนยอดการจองห้องที่ได้จากเว็บไซต์

การโฆษณาแบบจ่ายตามจำนวนครั้งที่กดเข้าไปดู (Pay-per-click) มักจะเป็นความคิดที่สอง ที่จะช่วยในการทำการตลาดบนอินเทอร์เน็ต แต่เรื่องน่าเศร้าก็คือ เว็บไซต์ที่ทำธุรกิจการโฆษณาเว็บไซต์ส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนมาใช้การโฆษณาแบบดังกล่าวข้างต้นมาแทนการเพิ่มความสามารถของเว็บไซต์เพื่อที่จะให้ได้สร้างผลลัพธ์ในการค้นหาที่ดี การโฆษณาแบบจ่ายตามจำนวนครั้งที่กดเข้าไปดูไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น การสร้างคำหลักสำหรับช่วยในการค้นหาแบบปกติต่างหาก ที่น่าจะเป็นจุดหมายของคุณ

การเผยแพร่เว็บไซต์ของโรงแรมไปกับเส้นทางการจราจรที่เกี่ยวข้องโดยนำเอาการวิจัย ประสบการณ์และความรู้ในการเลือกโรงแรมและกระบวนการจองห้องพักมาช่วยพิจารณาก็เป็นอีกทางหนึ่งที่สามารถเพิ่มยอดการจองห้องได้ และสิ่งนี้สามารถวัดผลความสำเร็จของเว็บไซต์ ซึ่งมันไม่ใช่แค่จำนวนของผู้ที่เข้ามาชมเว็บไซต์เท่านั้น

 การตลาดบนโลกอินเทอร์เน็ต

การมีเว็บไซต์และการทำการตลาดบนอินเทอร์เน็ตเป็น 2 สิ่งที่แตกต่างกันอย่างมาก ใครก็ตามที่ได้เคยอ่านบทความที่ผ่านมาก็จะรู้ว่า ผู้เขียนได้ใช้ความพยายามอย่างมากมายในการโน้มน้าวให้บุคลากรด้านโรงแรมทำการค้นคว้าเพื่อหาว่า เว็บไซต์ของโรงแรมมีการออกแบบที่ถูกต้อง เหมาะสมสำหรับการค้นหาและการขายหรือไม่ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ยังมีเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับโรงแรมจำนวนมากที่ไม่ได้เป็นแบบนั้น อย่างไรก็ตาม การมีเว็บไซต์ที่ยอดเยี่ยมเป็นแค่เพียงการเริ่มต้นของโปรแกรมทางการตลาดผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตเท่านั้น

การตลาดบนโลกอินเทอร์เน็ต คือการทำทุกวิถีทางที่จะดึงดูดผู้ที่มีความสนใจให้เข้ามาชมเว็บไซต์ และโน้มน้าวให้เขาเหล่านั้นทำการจองห้องพักกับทางโรงแรม ซึ่งมีหลายร้อยแนวทางที่จะส่งเสริมให้เกิดยอดการจองห้องพัก หรือเข้าพักโรงแรมจากข้อมูลบนเว็บไซต์ของคุณ หากคุณเป็นหัวหน้างานในการส่งเสริมการขายทางอินเทอร์เน็ต ลองให้ทีมงานของคุณทำการเก็บรวบรวมข้อมูลและระดมความคิด เชื่อได้ว่าคุณจะได้เห็นแนวทางต่างๆ มากมาย

 เริ่มต้นด้วยการแข่งขัน

หนึ่งในวัตถุประสงค์ที่สำคัญของการทำเว็บไซต์ ก็คือ จะต้องทำให้เหนือกว่าคู่แข่ง ทั้งในเรื่องของการจัดลำดับในการค้นหาบนเสิร์ชเอนจิ้น และในส่วนของเนื้อหาของเว็บไซต์ เพื่อที่จะให้บรรลุวัตถุประสงค์เช่นนั้น คุณจำเป็นต้องมีความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า คู่แข่งของคุณกำลังทำอะไรอยู่ และเขามีอะไรที่เป็นจุดเด่น รวมถึงอะไรที่เขาเสนอให้แก่ลูกค้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องมีการใช้เวลาในการค้นคว้า ศึกษาคู่แข่ง และเทียบเคียงกับคู่แข่งในระดับองค์ประกอบต่อองค์ประกอบ

อีกสิ่งหนึ่งคือคุณจำเป็นจะต้องเข้าใจว่า คู่แข่งแบบออนไลน์ของคุณ แตกต่างไปจากคู่แข่งแบบออฟไลน์ ในการแข่งขันแบบออนไลน์ นั่นหมายความว่าคุณกำลังแข่งขันกับทุกๆ โรงแรมในเขตพื้นที่ของคุณที่มีการเชื่อมโยงกับภายนอกด้วย ไม่ใช่เพียงแค่โรงแรมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการที่ใกล้เคียงกับคุณ ในการทำการวิเคราะห์คู่แข่งแบบออนไลน์ของคุณนั้น คุณจำเป็นต้องเลือก สิ่งที่เป็นที่สุดของที่สุด และทำการให้คะแนนกับโรงแรมของคุณเอง

ต่อมาลองมาดูว่า อะไรที่คุณไม่มีแต่คู่แข่งของคุณมี อะไรที่คู่แข่งของคุณพิจารณาเป็นอันดับแรกในการส่งเสริมการตลาด เนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณได้ยกระดับโรงแรมของคุณให้เหนือกว่าคู่แข่งและดึงดูดผู้เข้าชมให้ทำการจองหรือไม่ และลองหาคำตอบให้คำถามเหล่านี้ เพราะการทำให้ผู้เข้ามาชมเว็บไซต์ทำการจองได้นั้น คือสิ่งสำคัญ

การตลาดบนอินเทอร์เน็ต สำหรับโรงแรมและรีสอร์ท



เป็นที่น่าเสียดายที่บุคลากรด้านการโรงแรมจำนวนมากถูกทำให้เข้าใจว่า การมีเว็บไซต์ นั่นแหละคือทั้งหมดของการตลาดบนอินเทอร์เน็ต (Internet Marketing) พวกเขาตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมส่วนแบ่งยอดการจองห้องของพวกเขายังคงได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย และบุคลากรด้านโรงแรมอีกเป็นจำนวนมากสงสัยว่าพวกเขาจะสามารถใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตในการขับเคลื่อนธุรกิจของพวกเขาได้มากกว่านี้อีกหรือไม่ เท่าที่ผ่านมาการมีแค่เพียงเว็บไซต์อย่างเดียวยังไม่ใกล้เคียงคำว่า “พอ”
นอกจากเว็บไซต์ที่มีการออกแบบอย่างสมบูรณ์แบบจะเป็นประโยชน์ในการผลักดันการส่งเสริมการขายเพื่อที่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจแล้ว การโฆษณาโรงแรมผ่านทางสื่ออินเทอร์เน็ต และเสิร์ชเอนจิ้น ก็นับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกโรงแรม ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ซึ่งผลตอบแทนจากการส่งเสริมการขายดังกล่าวเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว และมีศักยภาพอย่างใหญ่หลวง ดังนั้น การตลาดบนโลกอินเทอร์เน็ตจึงเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลสำหรับทุกๆ โรงแรม
จากข้อมูลทางสถิติและข้อมูลแวดล้อมชี้ให้เห็นถึงความจริงที่ว่า กระแสนิยมและการใช้งานอินเทอร์เน็ตมีการเพิ่มขึ้นอย่างมาก จึงทำให้อินเทอร์เน็ตสามารถช่วยเพิ่มธุรกิจของคุณได้มากถึง 1 ใน 3 ของธุรกิจทั้งหมดและโรงแรมบางแห่งสามารถทำได้มากกว่านั้นมากๆ ทำไมจึงยังมีโรงแรมจำนวนมากที่สละกำลังความสามารถและทรัพยากรทางการเงินเพียงเล็กน้อย ให้แก่สื่อทางการตลาดที่มีศักยภาพในการให้ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมเช่นนี้
อัตราผลตอบแทนต่อการลงทุน (ROI) สำหรับการทำตลาดบนอินเทอร์เน็ตนั้นให้ผลที่รวดเร็วกว่าการทำการตลาดด้วยวิธีอื่นๆ เกือบทั้งหมด กล่าวก็คือโรงแรมส่วนใหญ่จะเห็นผลได้แทบจะทันทีทันใด และสิ่งที่ได้เพิ่มเติมมาก็คือ การตลาดบนโลกอินเทอร์เน็ตนั้นสามารถทำการวัดผลได้แทบจะเบ็ดเสร็จเลยทีเดียว ซึ่งทำให้เราสามารถทำการประเมินผลงานได้อย่างรดเร็ว และ ทำการปรับเปลี่ยนได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะปรับปรุงผลลัพธ์ของการทำการตลาดให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น ถ้าคุณต้องการที่จะแสวงหาช่องทางในการทำการตลาด ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าสื่อโฆษณาทางอินเทอร์เน็ต

บริหารโรงแรมรีสอร์ทขนาดเล็ก ต้องมองให้เป็น&คิดให้แตกต่าง

  



โครงการโรงแรมขนาดเล็กแนวใหม่ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ โดยเฉพาะในยุโรปบางแห่งมีพื้นที่ดินจำกัด คับแคบ การตกแต่งภายใน, การปรับปรุงอาคารดัดแปลงเป็นโรงแรมขนาดเล็ก ได้รับความนิยมสูงมาก ทุกซอกทุกมุมในเมืองเหล่านี้จึงปรากฏโรงแรมที่พักมากมาย มีทั้งได้รับการออกแบบที่ดี ไปจนถึงโรงแรมที่ไม่ได้ออกแบบเพียงแค่พอพักค้างแรมได้ก็พอ

แต่เนื่องจากว่าโรงแรมลักษณะนี้เกิดขึ้นมากและมีการแข่งขันกันสูงขึ้น การคิดโปรแกรมทางการตลาดใหม่ๆ ก็เป็นส่วนสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือ การออกแบบและไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ๆ ในการนำเสนอให้เป็นที่พูดถึงกล่าวถึง ปัจจุบันการทำธุรกิจโรงแรมจำเป็นต้องใช้แนวทางการออกแบบอย่างชาญฉลาด กระบวนการออกแบบก็แตกต่างไปจากเดิมมาก มีมิติในการทำงานที่สลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้นทั้งสถาปนิก วิศวกร มัณฑนากร ซึ่งต้องอาศัยความรู้  360  องศา ไม่ใช่เพียงแค่ความรู้ในวิชาชีพเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป

คุณกมล รัตนวิระกุล นายกสมาคมการบริหารโรงแรมไทย ได้ให้เกียรติมาบรรยายเกี่ยวกับ การบริหารงานธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทขนาดเล็กในปัจจุบันและการดำเนินธุรกิจโรงแรมในอนาคต ในงานสัมมนา ครบรอบ  9  ปี รายการอยู่สบาย ก้าวสู่ปีที่  10  ในหัวข้อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ตอน สร้างสรรค์ธุรกิจโรงแรม และรีสอร์ทแนวใหม่แห่งอนาคต ได้กล่าวว่า ณ วันนี้หากคิดจะทำธุรกิจโรงแรมคงจะต้องเข้าใจกันก่อนว่า ธุรกิจโรงแรมนั้นได้เปลี่ยนไปจากเดิมค่อนข้างมาก เพราะโรงแรมในสมัยก่อนกับสมัยปัจจุบันผู้ที่มาพักนั้นจะมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง การที่เราทำธุรกิจโรงแรม เรามักจะมองว่าโรงแรมเป็นเพียงที่พักอื่นๆ ทำให้มีการให้ความสำคัญเพียงห้องนอน โดยจะเน้นความสะดวกสบายเฉพาะที่พักหรือห้องนอนเท่านั้น

แต่ ณ วันนี้ มิอาจจะเป็นเช่นนั้นเพราะผู้บริโภคในวันนั้นไม่ได้มองเพียงห้องพักหรือที่พักเท่านั้น หากยังยึดติดการทำธุรกิจด้วยแนวคิดเดิมอาจจะไปไม่รอด การสร้างโรงแรมต้องตอบสนองปัจจัย 2 ด้าน  คือปัจจัยทางกายภาพ  คือ สถานที่พัก และต้องตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ ฉะนั้นปัจจัยหลักมักจะสำคัญกว่า โรงแรมที่ตอบโจทย์เฉพาะปัจจัยทางกายภาพ มักจะได้ค่าเช่าห้องอยู่ที่ราคา  500-600  บาทเท่านั้น การโรงแรมขนาดเล็กจะต้องทำให้มันหรูหรา ดูดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องแพง แต่คือหรูหราแบบได้อารมณ์ ต้องสนองต่อความต้องการทางอารมณ์ของคนรุ่นใหม่ ฉะนั้นรูปแบบของอาคารโรงแรมเป็นเรื่องสำคัญ ในวันนี้ มันมี พรบ.การควบคุมโรงแรม ฉบับใหม่ประกาศใช้เมื่อ พ.ศ.2541

ความแตกต่างที่มีนัยยะสำคัญ ก็คือมีการบังคับว่า ถ้าท่านทำธุรกิจที่พักอาศัย แล้วขายเป็นรายวัน ท่านต้องมีใบอนุญาตการประกอบการโรงแรม จึงจะสามารถขายรายวันได้ ดังนั้นใครที่มีความคิดว่า จะสร้างเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์แล้วขายรายวัน ต้องเข้าใจว่าไม่สามารถทำได้ ถ้าทำนั้นก็ถือว่าผิดกฎหมาย ในจังหวัดภูเก็ต มีโรงแรมทั้งหมด 720 โรงแรม มีเพียง 270  โรงแรมที่ได้ใบอนุญาต ที่เหลือนั้นไม่มีใบอนุญาต ถ้ารัฐบาลเอาจิงนั้นก็คือ โรงแรมเหล่านั้นไม่สามารถขายรายวันได้ หากพบว่าขายรายวันเมื่อไร เจ้าหน้าที่ตำรวจมีสิทธิที่จะจับได้ แล้วปรับวันละ 5,000 บาท ต่อห้องต่อคืนทันที และกรมสรรพากรจะขอเข้าตรวจค้นได้เช่นกัน

ในกรุงเทพมีทั้งหมด 2,000 กว่าแห่ง แบ่งเป็นเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์จำนวน 1,000 กว่าแห่ง ทุกวันนี้แอบขายแบบโรงแรม ทำให้ตอนนี้เกิดปัญหา ต้องขอเปลี่ยนสถานภาพจากเซอร์วิสอะพาร์ทเม้นต์มาเป็นโรงแรม แต่ก็ถูกกรมการปกครองปฏิเสธมา  200  กว่าราย ชี้ให้เห็นว่า ถ้าทำผิดกฎหมายตั้งแต่แรกแล้วไม่สามารถที่จะแก้ไขได้อีก จึงขอเตือนไว้เลยว่า ถ้าคิดจะทำโรงแรมก็ต้องทำโรงแรมตั้งแต่ต้น ถ้าคิดว่าจะสร้างเป็นอพาร์ทเม้นท์แล้วขายรายวันถือเป็นเรื่องที่ผิด เพราะกฎหมายจะกระชับและเข้มงวดเข้ามาเรื่อยๆ

คุณกมล กล่าวเพิ่มเติมว่า สามหน่วยงานที่จะเข้ามาตรวจสอบ คือ กรมสรรพากรก็จะเป็นโจทย์ที่  1  เข้าตรวจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์  เพราะว่าเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์มีระบบจ่ายภาษีที่ไม่เหมือนโรงแรม ส่วนที่ 2 คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ก็จะสามารถเข้าไปตรวจสอบท่านได้ แล้วหากพบว่าท่านไม่มีใบอนุญาตและขายรายวัน ก็จะมีสิทธิที่จะโดนปรับ มีการเปลี่ยนแปลงใน พรบ.ฉบับนี้ได้เปลี่ยนสถานะของผู้ดูแลโรงแรม จาก พรบ.ฉบับก่อนจะมีคำว่า เจ้าสำนักโรงแรม ซึ่งไม่ได้หมายถึงผู้จัดการโรงแรม แต่ พรบ. ฉบับที่ 2547 ได้รวมสองตำแหน่งนี้ไว้ด้วยกัน

ฉะนั้นกฎหมายฉบับใหม่ก็คือ ถ้าหากพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย คนที่เป็นผู้จัดการก็จะมีสิทธิโดนดำเนินคดี เป็นสิ่งที่ท่านจะต้องศึกษาว่าวันนี้กฎหมายได้เปลี่ยนไปมากแล้ว เพราะฉะนั้นจะคอยคิดแบบเดิมๆ ไม่ได้ ถ้าคิดว่าจะทำโรงแรม สิ่งที่ต้องตรวจสอบเป็นอันดับแรกคือพื้นที่ของท่านมีพอที่จะประกอบการโรงแรมไหม คนที่สองที่ต้องไปหาคือ ไปหาสำนักงานเขต หรือไปหาเทศบาล ไปศึกษาดูว่าถ้าจะสร้างโรงแรมต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ตัวแปรที่สำคัญที่สุด คือ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อม

โรงแรมทุกแห่งต้องผ่านคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม สมมติว่าถ้าท่านทำโรงแรม ท่านจะต้องเสนอว่าท่านจะมีการสเสนอมาตรการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างไร ตามกฎหมายกำหนดว่าโรงแรม ขนาดเกิน  80  ห้องขึ้นไป  จะต้องส่งเรื่องผ่านเข้ามาให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมในกรุงเทพ  หรือคณะกรรมการใหญ่ หรือ EIA เป็นผู้พิจารณา ขั้นตอนดังกล่าวจะใช้เวลานานมาก ดังนั้นผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา จึงเลือกที่จะทำโรงแรมที่มีขนาด 79 ห้อง นี่คือที่มาของโรงแรมขนาดเล็ก ว่าโรงแรมสมัยใหม่จะมีแค่ 70 กว่าห้องสูงสุดไปหยุดที่ 79 ห้อง เพราะว่าถ้าทำแค่ 79 ห้อง จะต้องขอใบอนุญาตที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมของจังหวัดซึ่งสะดวกกว่ามาก

การออกแบบ โรงแรม รีสอร์ทขนาดเล็ก 1

ข้อดีในการลงทุนในธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กก็มีมากและเป็นโอกาสดีๆ ของนักลงทุนไทยมากที่สุด โดย

1. ต้นทุนไม่สูงมาก เหตุผลที่เป็นปัจจัยในการก่อสร้างที่ทำให้ต้นทุนต่ำ คือโรงแรม รีสอร์ทขนาดเล็ก ไม่ได้อยู่ในมาตรฐานตัวชี้วัดจากต่างประเทศ แต่เป็นการชี้วัดด้วยลักษณะพิเศษของโรงแรมเอง เมื่อไม่มีดาว เงื่อนไขการวัดดาวไม่จำเป็นเสียแล้วใน ระบบการให้บริการ แต่นำไอเดียการตกแต่ง การออกแบบให้ดึงดูดมาแทนที่ อีกทั้งก็ไม่ติดอยู่กับปริมาณของห้องพัก ส่วนให้บริการ ขนาดพื้นที่จึงสามารถลงทุนได้ไม่สูงมากนัก แต่ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางการขาย ลูกเล่นในการนำเสนอการขายที่น่าสนใจและมีเสน่ห์มากไอเดียในการออกแบบที่ไม่ผลาญเงิน แต่เสริมสร้างด้วยลูกเล่น (GIMMIC) คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ต้นทุนต่ำลงไปมาก การออกแบบที่ใช้วัสดุราคาไม่สูง แต่มีรสนิยมเข้ามาแทนที่และการสร้างเรื่องราวในคอนเซ็ปให้มีค่าขึ้นมาแทน
 
2. ต้นทุนในการบริหาร การจัดการ บุคลากรต่ำ  เมื่อความคาดหวังของลูกค้าไม่ได้มากไปถ้าเทียบกับโรงแรม 5ดาวแต่กลับได้ความประทับใจจากการออกแบบที่มีเสน่ห์ของโรงแรมขนาดเล็ก มีการนำเสนอพื้นที่แบบแตกต่าง การบริการที่ดีแบบคนไทย แต่ใช้จำนวนบุคคลากรน้อยกว่า ต้นทุนในการบริหารก็จะต่ำลงด้วย จึงทำให้ราคาขายห้องสามารถแข่งขันได้ง่ายเมื่อคนน้อย กะทัดรัด การขยับตัวในการบริหารก็สะดวกไม่เป็นภาระ สำหรับผู้ประกอบการ SME ถือเป็นความพิเศษที่สามารถเลือกธุรกิจประเภทนี้ในการขยายกิจการได้ดี
 
3. พื้นที่จำกัดแค่ไหนก็ทำได้ บางโครงการเกิดจากการปรับปรุงอาคารเก่า ตึกแถว บ้านพักอาศัย ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่มีทำเลเหมาะสม เช่น อยู่ในย่านการค้า ย่านวัฒนธรรมของเมืองเสนอจุดขายด้วยการตกแต่งห้องให้แตกต่าง ไม่เน้นการมีร้านอาหารหรือคอฟฟี่ชอปขนาดใหญ่  เน้นไอเดียในการวางผังห้องให้ตื่นเต้นประทับใจ


4.  พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป เทรนด์และกระแสการจองห้องพักสู่ระบบไอที  จากเดิม โรงแรมที่มีส่วนล็อบบี้ เช็คอินขนาดใหญ่กลายเป็นขนาดเล็กลงไปมาก เพราะระบบการจองผ่านเว็บมีอิทธิพลมากขึ้น เจ้าหน้าที่ของโรงแรมที่สำคัญคือ ไอทีแมนเนเจอร์ กลายเป็น  บุคคลากรสำคัญของโรงแรมไป ต้นทุนหลายอย่างในโรงแรมก็ประหยัดลงการเก็บฐานข้อมูลของลูกค้าก็สะดวก และง่ายดายมากขึ้น การนำเสนอรูปแบบผ่านเว็บไซต์ จึงเป็นเรื่องสำคัญและมีผลต่อการขายมากที่สุด ทั้งยูทูป, เฟสบุ๊ค ก็มีผล เช่นกัน แต่จะต้องสร้างจุดขายในทางบวกให้มาก เพราะมิฉะนั้นถ้ามีปัญหาก็จะขยายวงกว้าง เป็นที่รู้กันทั่วไปอย่างรวดเร็ว

5.    กระแสของการออกแบบที่มีลูกเล่น มีมุมมองใหม่ ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ มาแทนที่พฤติกรรมนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน มักจะหาความแปลกใหม่และสัมผัสประสบการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนไปอยู่ตลอด จากเดิมอาจจะใช้บริการโรงแรมใดโรงแรมหนึ่งตลอดปัจจุบัน ทัศนคติเปลี่ยนการพักผ่อนที่มีไอเดีย การพักผ่อนที่พิเศษ บรรยากาศใหม่ๆ จึงเข้ามาเป็นตัวสร้างตลาดจนเกิดโครงการประเภทดีไซน์โฮเทล, ฮิปโฮเทล, บูทิคโฮเทล


6.  โอกาสของการเปิดกิจการโรงแรมรีสอร์ทขนาดเล็กแนวใหม่จะมีมากกับจังหวัด,เมืองที่ยังไม่ค่อยมีงานดีไซน์ ในประเทศไทยมีหลายจังหวัดที่มีโอกาสมากๆ จังหวัดเล็กๆ ที่ทุกคนอาจจะมองไม่ออกหรือมองว่าเป็นไปไม่ได้ในหลายๆ ศักยภาพ  แต่การที่เป็นโรงแรมขนาดเล็กลูกค้าไม่มาก แต่สร้างความแตกต่างในส่วนน้อย แต่โดดเด่นก็สามารถสร้างกระแสได้มาก เพราะถึงอย่างไรตลาดแนวใหม่ๆ แตกต่างมีอยู่เสมอทุกที่ สังเกตได้ว่าโรงแรมแนวใหม่ๆ เริ่มเป็นที่ยอมรับมากๆ เพราะพฤติกรรมการเบื่อหน่ายความซ้ำซากจำเจของผู้บริโภคในปัจจุบัน

7. เป็นโอกาสของผู้ที่ไม่เคยทำธุรกิจนี้ แต่มีใจด้านบริการ  มีข้อสังเกตว่าถ้าใครก็ตามอยากเข้ามาในธุรกิจนี้ ถ้ามีนิสัยไม่บริการ ใจไม่ถึงอาจจะทำธุรกิจและอยู่ในแวดวงนี้ยากมาก จากสถิติที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่าเจ้าของมีนิสัยอย่างไร ธุรกิจจะมีคาแรคเตอร์อย่างนั้นเหมือนกัน และจากสถิติของรายการอยู่สบาย เจ้าของโรงแรมที่ประสบความสำเร็จหลายคนในอดีต ไม่เคยทำธุรกิจโรงแรมมาก่อนเลย แต่มีวิสัยทัศน์และมีบุคลิกแห่งการต้อนรับ