วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2554

บริหารโรงแรมรีสอร์ทขนาดเล็ก ต้องมองให้เป็น&คิดให้แตกต่าง

  



โครงการโรงแรมขนาดเล็กแนวใหม่ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ โดยเฉพาะในยุโรปบางแห่งมีพื้นที่ดินจำกัด คับแคบ การตกแต่งภายใน, การปรับปรุงอาคารดัดแปลงเป็นโรงแรมขนาดเล็ก ได้รับความนิยมสูงมาก ทุกซอกทุกมุมในเมืองเหล่านี้จึงปรากฏโรงแรมที่พักมากมาย มีทั้งได้รับการออกแบบที่ดี ไปจนถึงโรงแรมที่ไม่ได้ออกแบบเพียงแค่พอพักค้างแรมได้ก็พอ

แต่เนื่องจากว่าโรงแรมลักษณะนี้เกิดขึ้นมากและมีการแข่งขันกันสูงขึ้น การคิดโปรแกรมทางการตลาดใหม่ๆ ก็เป็นส่วนสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือ การออกแบบและไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ๆ ในการนำเสนอให้เป็นที่พูดถึงกล่าวถึง ปัจจุบันการทำธุรกิจโรงแรมจำเป็นต้องใช้แนวทางการออกแบบอย่างชาญฉลาด กระบวนการออกแบบก็แตกต่างไปจากเดิมมาก มีมิติในการทำงานที่สลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้นทั้งสถาปนิก วิศวกร มัณฑนากร ซึ่งต้องอาศัยความรู้  360  องศา ไม่ใช่เพียงแค่ความรู้ในวิชาชีพเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป

คุณกมล รัตนวิระกุล นายกสมาคมการบริหารโรงแรมไทย ได้ให้เกียรติมาบรรยายเกี่ยวกับ การบริหารงานธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทขนาดเล็กในปัจจุบันและการดำเนินธุรกิจโรงแรมในอนาคต ในงานสัมมนา ครบรอบ  9  ปี รายการอยู่สบาย ก้าวสู่ปีที่  10  ในหัวข้อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ตอน สร้างสรรค์ธุรกิจโรงแรม และรีสอร์ทแนวใหม่แห่งอนาคต ได้กล่าวว่า ณ วันนี้หากคิดจะทำธุรกิจโรงแรมคงจะต้องเข้าใจกันก่อนว่า ธุรกิจโรงแรมนั้นได้เปลี่ยนไปจากเดิมค่อนข้างมาก เพราะโรงแรมในสมัยก่อนกับสมัยปัจจุบันผู้ที่มาพักนั้นจะมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง การที่เราทำธุรกิจโรงแรม เรามักจะมองว่าโรงแรมเป็นเพียงที่พักอื่นๆ ทำให้มีการให้ความสำคัญเพียงห้องนอน โดยจะเน้นความสะดวกสบายเฉพาะที่พักหรือห้องนอนเท่านั้น

แต่ ณ วันนี้ มิอาจจะเป็นเช่นนั้นเพราะผู้บริโภคในวันนั้นไม่ได้มองเพียงห้องพักหรือที่พักเท่านั้น หากยังยึดติดการทำธุรกิจด้วยแนวคิดเดิมอาจจะไปไม่รอด การสร้างโรงแรมต้องตอบสนองปัจจัย 2 ด้าน  คือปัจจัยทางกายภาพ  คือ สถานที่พัก และต้องตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ ฉะนั้นปัจจัยหลักมักจะสำคัญกว่า โรงแรมที่ตอบโจทย์เฉพาะปัจจัยทางกายภาพ มักจะได้ค่าเช่าห้องอยู่ที่ราคา  500-600  บาทเท่านั้น การโรงแรมขนาดเล็กจะต้องทำให้มันหรูหรา ดูดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องแพง แต่คือหรูหราแบบได้อารมณ์ ต้องสนองต่อความต้องการทางอารมณ์ของคนรุ่นใหม่ ฉะนั้นรูปแบบของอาคารโรงแรมเป็นเรื่องสำคัญ ในวันนี้ มันมี พรบ.การควบคุมโรงแรม ฉบับใหม่ประกาศใช้เมื่อ พ.ศ.2541

ความแตกต่างที่มีนัยยะสำคัญ ก็คือมีการบังคับว่า ถ้าท่านทำธุรกิจที่พักอาศัย แล้วขายเป็นรายวัน ท่านต้องมีใบอนุญาตการประกอบการโรงแรม จึงจะสามารถขายรายวันได้ ดังนั้นใครที่มีความคิดว่า จะสร้างเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์แล้วขายรายวัน ต้องเข้าใจว่าไม่สามารถทำได้ ถ้าทำนั้นก็ถือว่าผิดกฎหมาย ในจังหวัดภูเก็ต มีโรงแรมทั้งหมด 720 โรงแรม มีเพียง 270  โรงแรมที่ได้ใบอนุญาต ที่เหลือนั้นไม่มีใบอนุญาต ถ้ารัฐบาลเอาจิงนั้นก็คือ โรงแรมเหล่านั้นไม่สามารถขายรายวันได้ หากพบว่าขายรายวันเมื่อไร เจ้าหน้าที่ตำรวจมีสิทธิที่จะจับได้ แล้วปรับวันละ 5,000 บาท ต่อห้องต่อคืนทันที และกรมสรรพากรจะขอเข้าตรวจค้นได้เช่นกัน

ในกรุงเทพมีทั้งหมด 2,000 กว่าแห่ง แบ่งเป็นเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์จำนวน 1,000 กว่าแห่ง ทุกวันนี้แอบขายแบบโรงแรม ทำให้ตอนนี้เกิดปัญหา ต้องขอเปลี่ยนสถานภาพจากเซอร์วิสอะพาร์ทเม้นต์มาเป็นโรงแรม แต่ก็ถูกกรมการปกครองปฏิเสธมา  200  กว่าราย ชี้ให้เห็นว่า ถ้าทำผิดกฎหมายตั้งแต่แรกแล้วไม่สามารถที่จะแก้ไขได้อีก จึงขอเตือนไว้เลยว่า ถ้าคิดจะทำโรงแรมก็ต้องทำโรงแรมตั้งแต่ต้น ถ้าคิดว่าจะสร้างเป็นอพาร์ทเม้นท์แล้วขายรายวันถือเป็นเรื่องที่ผิด เพราะกฎหมายจะกระชับและเข้มงวดเข้ามาเรื่อยๆ

คุณกมล กล่าวเพิ่มเติมว่า สามหน่วยงานที่จะเข้ามาตรวจสอบ คือ กรมสรรพากรก็จะเป็นโจทย์ที่  1  เข้าตรวจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์  เพราะว่าเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์มีระบบจ่ายภาษีที่ไม่เหมือนโรงแรม ส่วนที่ 2 คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ก็จะสามารถเข้าไปตรวจสอบท่านได้ แล้วหากพบว่าท่านไม่มีใบอนุญาตและขายรายวัน ก็จะมีสิทธิที่จะโดนปรับ มีการเปลี่ยนแปลงใน พรบ.ฉบับนี้ได้เปลี่ยนสถานะของผู้ดูแลโรงแรม จาก พรบ.ฉบับก่อนจะมีคำว่า เจ้าสำนักโรงแรม ซึ่งไม่ได้หมายถึงผู้จัดการโรงแรม แต่ พรบ. ฉบับที่ 2547 ได้รวมสองตำแหน่งนี้ไว้ด้วยกัน

ฉะนั้นกฎหมายฉบับใหม่ก็คือ ถ้าหากพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย คนที่เป็นผู้จัดการก็จะมีสิทธิโดนดำเนินคดี เป็นสิ่งที่ท่านจะต้องศึกษาว่าวันนี้กฎหมายได้เปลี่ยนไปมากแล้ว เพราะฉะนั้นจะคอยคิดแบบเดิมๆ ไม่ได้ ถ้าคิดว่าจะทำโรงแรม สิ่งที่ต้องตรวจสอบเป็นอันดับแรกคือพื้นที่ของท่านมีพอที่จะประกอบการโรงแรมไหม คนที่สองที่ต้องไปหาคือ ไปหาสำนักงานเขต หรือไปหาเทศบาล ไปศึกษาดูว่าถ้าจะสร้างโรงแรมต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ตัวแปรที่สำคัญที่สุด คือ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อม

โรงแรมทุกแห่งต้องผ่านคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม สมมติว่าถ้าท่านทำโรงแรม ท่านจะต้องเสนอว่าท่านจะมีการสเสนอมาตรการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างไร ตามกฎหมายกำหนดว่าโรงแรม ขนาดเกิน  80  ห้องขึ้นไป  จะต้องส่งเรื่องผ่านเข้ามาให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมในกรุงเทพ  หรือคณะกรรมการใหญ่ หรือ EIA เป็นผู้พิจารณา ขั้นตอนดังกล่าวจะใช้เวลานานมาก ดังนั้นผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา จึงเลือกที่จะทำโรงแรมที่มีขนาด 79 ห้อง นี่คือที่มาของโรงแรมขนาดเล็ก ว่าโรงแรมสมัยใหม่จะมีแค่ 70 กว่าห้องสูงสุดไปหยุดที่ 79 ห้อง เพราะว่าถ้าทำแค่ 79 ห้อง จะต้องขอใบอนุญาตที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมของจังหวัดซึ่งสะดวกกว่ามาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น